วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สัปดาห์ที่ 3 คุณลักษณของครูในศตวรรษที่ 21

Description: http://www.hu.ac.th/academic/general_article/e-teacher.gif
      
  ลักษณะของ  e-Teacher  สรุปเป็น  9  ประการ ดังนี้

        1. Experience   ครูควรสร้างสรรค์ประสบการณ์การเรียนรู้แบบใหม่ในการใช้ เครื่องมือต่าง ๆ เช่น Internet e-Mail การใช้ CD จากเดิมที่ไม่เคยมีความรู้ในการ
ใช้เทคโนโลยีมาก่อน เมื่อเริ่มได้มีประสบการณ์ก็สามารถที่จะมีแนวคิดและขยายผลได้อย่างต่อเนื่อง คือ เน้นเรื่องการใช้เทคโนโลยีให้เป็น


        2. Extended   ครูควรค้นหาความรู้ได้ตลอดเวลาเพราะเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต สามารถใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ไหนก็ได้ถ้าโครงสร้างพื้นฐานไปถึง เป็นครูที่ใช้เวลา
ว่างให้เป็นประโยชน์ ในการหาความรู้ด้วยเทคโนโลยี
        3. Expanded   ครูที่ใช้ความรู้ในการขยายผลของความรู้นั้นสู่นักเรียน ประชาชนทั่วไป และชุมชน สามารถถ่ายทอดความรู้ลง CD VDO โทรทัศน์หรือ บน web เพื่อให้เกิดการเพิ่มความรู้ที่เป็นประโยชน์ของบุคลากรโดยรวม
        4. Exploration   ครูที่สามารถเลือกเนื้อหาที่ทันสมัย เอกสารอ้างอิง ค้นคว้าทั้งสาระและบันเทิงเพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรเพื่อนำมาออกแบบการเรียนการสอน

        5. Evaluation   ครูเป็นนักประเมินที่ดี สามารถใช้เทคโนโลยีในการประเมินผล เช่น ในการถามและตอบปัญหาต่าง ๆ และประเมินว่าเทคโนโลยีอันไหนที่เหมาะกับการเรียนการสอนแบบไหน เพราะไม่ใช่ทุกเทคโนโลยีใช้ได้กับการเรียนทุกรูปแบบ

        6. End-User   
ครูเป็นผู้ใช้ปลายทางที่ดี เช่น สามารถ Browse ไป Web Site ที่มีคุณค่าบนอินเทอร์เน็ตและเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีได้อย่างหลากหลาย

        
7. Enabler   ครูสามารถที่ใช้เทคโนโลยีได้ สร้างบทเรียนและเนื้อหาเพิ่มเติมมาใช้ในการประกอบการเรียนการสอน สามารถใช้ซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ มาสร้างบทเรียน อย่างน้อยที่สุดก็สามารถสร้างการนำเสนอเนื้อหาด้วย Power Piont เป็นการจูงใจให้ นักเรียนสนใจในการเรียนมากขึ้น หรือการใช้
Authoring tool ต่าง ๆ มาสร้าง บทเรียนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
        8. Engagement   เป็นลักษณะครูที่ร่วมมือกัน แลกเปลี่ยนความเห็น หาแนวร่วม เพื่อให้เกิดชุมชน เช่น การคุยกันบน web ทำให้มีความคิดใหม่ ๆ มีข้อเสนอแนะ เกิดชุมชนครูบน web
        9. Efficient and Effective   ครูที่ประสิทธิภาพและประสิทธิผลคือ ใช้เทคโนโลยีได้อย่างคล่องแคล่ว เป็นผู้ผลิต ผู้กระจายและผู้ใช้ความรู้ เหมือนกันกับการรวม 8e ม าไว้ด้วยกัน

      จากข้อความ E-TEACHER  ที่เสนอข้างต้น คิดว่า Enabler คือตัวที่ขาดมากที่สุด เพราะทักษะการใช้

เทคโนโลยียังน้อย วิธีแกัปัณหาคือ การเรียนรู้เพิ่มเติม และการฝึกทำบ่อยๆเพื่อให้เกิดความชำนาญ

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สัปดาห์ที่ 2 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

การสื่อสารกับการเรียนการสอน


Image result for การเรียนรู้ หมายถึง

     การเรียนรู้ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากเดิมไปสู่พฤติกรรมใหม่ค่อนข้างถาวร และพฤติกรรมใหม่นี้เป็นผลมาจากประสบการณ์หรือการฝึกฝน มิใช่ ผลจากการตอบสนองจากธรรมชาติ สัญชาตญาณ อุบัติเหตุ หรือความบังเอิญ
        กระบวนการเรียนรู้ เป็นกระบวนการต่อเนื่องเชื่อมโยงจากการรับรู้ กล่าวคือ เมื่อประสาทสัมผัสกระทบสิ่งเร้าและเกิดความรู้สึกส่งไปยังสมอง สมองบันทึกความรู้สึกนั้นไว้เป็นประสบการณ์และเมื่ออวัยวะรับสัมผัสกระทบกับสิ่งเร้าเดิมอีก สามารถระลึกได้ (Recall)  หรือจำได้ (Recognition) ก็ถือว่าเกิดการเรียนรู้ขึ้น
การสอน หมายถึง การนำเอาองค์ความรู้ที่มีมาสอนเพื่อให้ผู้เรียน เกิดการรับรู้ และเกิดการเรียนรู้


พีระมิดการเรียนรู้




 Lecture  =  การเรียนในห้องเรียน นั่งฟังบรรยาย จะจำได้เพียง  5%
 Reading  =  การอ่านด้วยตัวเอง จะจำได้เพิ่มขึ้นเป็น 10%
 Audiovisual  =  การฟังและได้เห็น เช่น การดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ จำได้ 20% 
 Demonstration  =  การได้เห็นตัวอย่าง จะช่วยให้จำได้  30%
 Discussion  =  การได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน เช่น การมีส่วนร่วม การพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันในกลุ่มจะช่วยให้จำได้ถึง  50%
 Practice doing การได้ทดลองปฏิบัติเอง จะจำได้ถึง  75%
•  Teach Others / Immediate use  = สามารถบูรณาการโดยการสอนด้วยวิธีการที่  หลากหลายจะเกิดองค์ความรู้ จะช่วยให้จำได้ถึง  90% 

                 พีระมิดการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้

                                          Image result for พีระมิดการเรียนรู้
      
         กลุ่มที่ 1  ใช้คำว่า Traditional Passive ซึ่งประกอบด้วย การบรรยาย การอ่าน การได้ดูและได้ยินเสียง การสาธิตทำให้ดู กลุ่มแรกเป็นการเรียนรู้ที่เริ่มจากคนอื่น แล้วนำมาให้เราแบบ outside-in หรือเป็นวิธีที่คนเข้าใจเรื่องนี้นำความรู้เรื่องนั้นเอามาถ่ายทอดให้เรา คล้ายๆการเรียนสิ่งที่ตกผลึก วิเคราะห์มาแล้วระดับหนึ่ง ผู้เรียนเป็นผู้รับรู้มากกว่า แบบ Inductive learning

      กลุ่มที่ 2 ใช้คำว่า Teaming Active ซึ่งประกอบด้วย การพูดคุยกันในกลุ่มย่อย การลงมือปฏิบัติ และการได้ถ่ายทอดสิ่งที่ทำได้ให้คนอื่น เป็นการเรียนรู้ที่ต้องทำความเข้าใจด้วยตนเอง แล้วสะท้อนออกมาด้วยการปฏิบัติ เป็นการเรียนแบบเข้าใจข้างในตัวเราเองก่อนแล้วถึงจะถ่ายทอดให้คนอื่น หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการเรียนแบบค่อยๆตกผลึกสิ่งที่เห็น สิ่งที่สังเกตแล้วมาปะติดต่อเป็นแนวคิด หรือหลักการ เป็นการเรียนแบบ Deductive learning

       ปัจจุบันการศึกษาของไทยส่วนใหญ่ใช้วิธีการในกลุ่มแรกมากกว่าอาจจะเป็นเพราะว่าง่ายกว่า เพราะวิธีการเรียนรู้ในกลุ่มที่สองนั้นต้องมีความสามารถในการออกแบบมากกว่า ต้องใช้เวลามากกว่า ต้องใช้ความอดทนเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงมากกว่า เลยทำให้คนคนใหญ่หันไปใช้วิธีเรียนรู้แบบเดิมและทำมานานจนกลายเป็นการปลูกฝังวัฒนธรรมการเรียนรู้

ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bloom's Taonomy
พฤติกรรมการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมายของนักการศึกษาซึ่งกำหนดโดย บลูม และคณะ (Bloom and Others ) มุ่งพัฒนาผู้เรียนใน 3 ด้าน ดังนี้

1.   ด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) คือ ผลของการเรียนรู้ที่เป็นความสามารถทางสมอง ครอบคลุมพฤติกรรมประเภท ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์และประเมินผล
2.   ด้านเจตพิสัย (Affective Domain ) คือ ผลของการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลงด้านความรู้สึก ครอบคลุมพฤติกรรมประเภท ความรู้สึก ความสนใจ ทัศนคติ การประเมินค่าและค่านิยม
3.   ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) คือ ผลของการเรียนรู้ที่เป็นความสามารถด้านการปฏิบัติ ครอบคลุมพฤติกรรมประเภท การเคลื่อนไหว การกระทำ การปฏิบัติงาน การมีทักษะและความชำนาญ


วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สัปดาห์ที่ 1 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

ผู้สอน  อาจารย์ ภัทรดร จั้นวันดี

                        ความหมายของคำว่า  TEACHERS



T = Teaching
หมายถึง ครูต้องมีหน้าที่หลักในการสั่งสอนลูกศิษย์ให้เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ เป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบในอนาคต ซึ่ง Gilbert Highet ได้กล่าวไว้ในหนังสือ The Art of Teaching ว่าครูที่สอนดี สอนเก่งต้องมีความรู้ลึกซึ้งในวิชาที่สอน ต้องมีอารมณ์ขัน มีความจำและกำลังใจดี มีลักษณะของผู้นำ เป็นผู้รักเด็ก มีใจเมตตามีความอดทนในการทำงาน เป็นผู้นำมากกว่าที่จะจ้องจับผิด มีความเข้าใจในพัฒนาการของเด็ก และสอนเด็กที่มีความสามารถต่างกันรวมกันได้
E = Ethics
หมายถึง ครูต้องเป็นผู้ที่มีจริยธรรมมีคุณธรรมประจำใจ มีความประพฤติดี เป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์และสังคมทั่วไปได้ ครูในยุคนี้ถูกตั้งคำถามเรื่องจริยธรรมจากสังคมอาจจะเนื่องจากข่าวคราวที่ไม่ดีของครูบางคนที่ทำให้วงการครูมัวหมอง เช่นเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม ค้ายาเสพติด ทุจริต เป็นต้น
A = Academic
หมายถึงครูต้องเป็นนักวิชาการ ต้องแสวงหาความรู้เพิ่มเติมให้กว้างขวางและทันสมัยอยู่เสมอ ทั้งความรู้ทั่วไปและความรู้เฉพาะด้าน เนื่องจากมีความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้นเสมอ เช่นเรื่องของนวัตกรรม เทคโนโลยี สภาพสังคมเศรษฐกิจและการเมือง รวมทั้งต้องมีความแม่นยำทางวิชาการอีกด้วย
C = Cultural Heritage
             หมายถึง ครูคือผู้มีหน้าที่ถ่ายทอดทางวัฒนธรรม ได้แก่ วัฒนธรรมอันดีงามซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ครูต้องเป็นผู้ปลูกฝังให้เด็กรักและภูมิใจในวัฒนธรรมของชาติ รวมทั้งเป็นตัวอย่างที่ดีในการรักษาวัฒนธรรมอันดีงามอย่างเคร่งครัดอีกด้วย ฉะนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาของวัยรุ่นที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เป็นหน้าที่หลักของครูที่จะช่วยชี้แนะ อบรมสั่งสอน ขัดเกลาในแนวทางที่ถูกต้องอย่างเต็มความสามารถ
H = Human Relationship
หมายถึง ครูต้องเป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานผู้บังคับบัญชา     ผู้ปกครอง มวลชนทั่วไป ครูที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีย่อมเป็นที่ยอมรับ ได้รับความร่วมมือในการทำงานจากทุกฝ่าย ดังนั้นจึงประสบความสำเร็จในอาชีพ มีความก้าวหน้าได้โดยไม่ยากนัก
E = Evaluation
หมายถึง ครูต้องมีความรู้และความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในวิธีการประเมินการเรียนการสอนของตนเอง และผลการเรียนของลูกศิษย์ รู้จักใช้วิธีการประเมินผลที่เหมาะสมและทันสมัย รู้วิธีสร้างแบบทดสอบที่มีความเที่ยงตรงและเชื่อถือได้ เพื่อการวัดผลและเกณฑ์การวัดคะแนนที่เที่ยงตรง เที่ยงธรรม เพราะถึงแม้ครูจะมีความรู้ดี สอนดี สอนเก่ง แต่ขาดวิธีการประเมินผลที่ดีที่เที่ยงตรงอาจเกิดความอยุติธรรมได้เช่นกัน
R = Research
หมายถึง ครูต้องมีความสามารถทางด้านวิจัย ทั้งวิจัยเบื้องต้นและเบื้องลึก ต้องรู้จักสังเกตตั้งสมมติฐาน การเก็บข้อมูล เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ตรงกับความต้องการของผู้เรียน เช่น วิจัยเพื่อทราบกิจกรรมเสริมที่เด็กต้องการ วิจัยเรื่องจริยธรรมของครู เป็นต้น
S = Service
หมายถึง ครูต้องเป็นผู้ให้บริการทางด้านการศึกษา และบริการด้านวิชาการและด้านอื่นๆ แก่สังคมทุกด้านอย่างเต็มความสามารถ เช่น บริการให้คำปรึกษาแก่ลูกศิษย์ แนะนำการศึกษานอกระบบ บริการวิชาการแก่สังคม บริการด้านพัฒนาชุมชนและท้องถิ่น เขียนบทความทางวิชาการ เป็นต้น     

  สรุป
                ครู (TEACHERS) หมายถึง บุคคลที่มีหน้าที่หลักในการสั่งสอนศิษย์ มีความรัก ความเมตตาต่อศิษย์ เพื่อให้ศิษย์มีความรู้ ความสามารถ และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ และครูต้องแสวงหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ เพื่อให้มีความรู้ความชำนาญหลายๆด้านและนำความรู้ที่ได้มาใช้ในการสอน

  
 อ้างอิงจาก 

e-Lerning YRU : ระบบจัดการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิ่ง มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

ที่เหลือคือรักแท้


วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สวัสดีค่ะบล็อคนี้สร้างขึ้นมาเพื่อการศึกษา...
ถ้ามีอะไรผิดพลาด..ต้องขออภัยด้วยนะคะ